ผู้สูงอายุกับ
โรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ขาด นอกจากกลุ่มผู้สูงอายุแล้วก็ยังมีกลุ่มของคนที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือมีภาวะอ้วน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย แม้ว่าความดันโลหิตสูงจะอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่ก็ต้องบอกว่าเราควรที่จะต้องดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักความดันโลหิตสูงและวิธีการดูแลตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้กัน ถ้าพร้อมแล้ว ตามกันมาให้ไวเลย
ความดันโลหิตคืออะไร ความดันโลหิต คือ แรงดันของกระแสเลือกที่กระทบผนังหลอดเลือดแดง พูดง่ายๆ เลยก็คือการวัดว่าหัวใจนั้นมีแรงสูบฉีดเท่าไหร่ ซึ่งค่าความดันโลหิตนั้นจะมี 2 ค่าที่วัด คือความดันช่วงบนและความดันช่วงล่าง ซึ่งความดันช่วงบนนั้นจะเป็นแรงดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว จะเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย อารมณ์ และการออกกำลังกาย ส่วนความดันช่วงล่างจะเป็นแรงดันเลือกขณะหัวใจคลายตัว ซึ่งค่าความดันโลหิตปกตินั้นจะอยู่ที่ < 120 มม.ปรอท และ < 80 มม.ปรอท (ความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างตามลำดับ)
ความดันโลหิตสูงทำให้เกิดอะไรบ้าง อย่างที่ได้บอกไปในช่วงต้นแล้วว่าโรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แม้จะไม่ติดต่อไปยังคนอื่น แต่ก็ต้องบอกว่าโรคความดันโลหิตสูงนั้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ แทรกซ้อนตามมาได้ โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่างๆ รวมไปถึงกรณีที่ทำให้หลอดเลือดสมองตีบหรือแตกจนทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ไปถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย และเมื่อเราตรวจพบว่าตัวเองหรือคนรอบข้างนั้นป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เราก็จำเป็นที่จะต้องดูแลและรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
ดูแลและป้องกันตัวเองอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ก็ต้องบอกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคและเพื่อดูแลสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงนั้นก็จะช่วยให้คลายกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นสามารถทำได้โดย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง ไม่หวานจนเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อแดง
- ลดปริมาณเกลือโซเดียมที่บริโภคในแต่ละวันให้ไม่เกิน 2.4 กรัมต่อวัน
- ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
- ควรตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจความดันโลหิตควบคู่ด้วย
ผู้สูงอายุกับ[url=https://www.vejthani.com/th/2016/04/ผู้สูงอายุ-ความดันโลหิต/]โรคความดันโลหิตสูง[/url]นั้นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ขาด นอกจากกลุ่มผู้สูงอายุแล้วก็ยังมีกลุ่มของคนที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือมีภาวะอ้วน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย แม้ว่าความดันโลหิตสูงจะอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่ก็ต้องบอกว่าเราควรที่จะต้องดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักความดันโลหิตสูงและวิธีการดูแลตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้กัน ถ้าพร้อมแล้ว ตามกันมาให้ไวเลย
[img]https://i.imgur.com/utVs6G3.jpg[/img]
[b]ความดันโลหิตคืออะไร[/b]
ความดันโลหิต คือ แรงดันของกระแสเลือกที่กระทบผนังหลอดเลือดแดง พูดง่ายๆ เลยก็คือการวัดว่าหัวใจนั้นมีแรงสูบฉีดเท่าไหร่ ซึ่งค่าความดันโลหิตนั้นจะมี 2 ค่าที่วัด คือความดันช่วงบนและความดันช่วงล่าง ซึ่งความดันช่วงบนนั้นจะเป็นแรงดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว จะเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย อารมณ์ และการออกกำลังกาย ส่วนความดันช่วงล่างจะเป็นแรงดันเลือกขณะหัวใจคลายตัว ซึ่งค่าความดันโลหิตปกตินั้นจะอยู่ที่ < 120 มม.ปรอท และ < 80 มม.ปรอท (ความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างตามลำดับ)
[b]ความดันโลหิตสูงทำให้เกิดอะไรบ้าง[/b]
อย่างที่ได้บอกไปในช่วงต้นแล้วว่าโรคความดันโลหิตสูงนั้นเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แม้จะไม่ติดต่อไปยังคนอื่น แต่ก็ต้องบอกว่าโรคความดันโลหิตสูงนั้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ แทรกซ้อนตามมาได้ โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่างๆ รวมไปถึงกรณีที่ทำให้หลอดเลือดสมองตีบหรือแตกจนทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ไปถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย และเมื่อเราตรวจพบว่าตัวเองหรือคนรอบข้างนั้นป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เราก็จำเป็นที่จะต้องดูแลและรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
[b]ดูแลและป้องกันตัวเองอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง[/b]
แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ก็ต้องบอกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคและเพื่อดูแลสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงนั้นก็จะช่วยให้คลายกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นสามารถทำได้โดย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง ไม่หวานจนเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อแดง
- ลดปริมาณเกลือโซเดียมที่บริโภคในแต่ละวันให้ไม่เกิน 2.4 กรัมต่อวัน
- ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
- ควรตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจความดันโลหิตควบคู่ด้วย